วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตาบอดหลังฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์ ทำให้โลกเบลอ (ตาบอด) ทันที จริงหรือ???
                     
                           
                       ช่วงนี้กระแสข่าวการฉีดสารเติมเต็ม (filler)  หรือ สารHyaluronic acid กำลังมาแรงแซงทางโค้งในแฟชั่นความงามเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะในวงการแพทย์ผิวหนัง เป็นเพราะสาเหตุอะไร ดังจะได้กล่าวต่อไป...
สารชนิดนี้เริ่มมีมาประมาณ 30 ปีแล้ว ต้นตำรับคือ ยี่ห้อ zyderm เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่สกัดจากวัว ทำให้มีการแพ้บ่อย แพ้แบบรุนแรง และไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร  ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาสารสังเคราะห์ ใกล้เคียงธรรมชาติของผิวหนังเรามากขึ้น ที่เรียกว่า Hyaluronic acid พบการแพ้น้อย และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ใครอยากฉีดลดร่องแก้ม , อยากเสริมจมูกแต่ไม่อยากผ่าตัด , อยากลดริ้วรอยแต่กลัว เลเซอร์ , ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม , เพิ่มโหนกแก้มหรือฉีดเสริมคางให้ยาว สำหรับคนที่คางสั้น  สารเติมเต็มเหล่านี้จะช่วยตอบโจทย์ได้   แต่การเลือกว่าจะไปรับบริการที่ไหน เราควรศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบกันเสียก่อน มิฉะนั้นอาจจะต้องเสียใจภายหลัง ดังที่มีตัวอย่างมาแล้ว เพราะปัจจุบันมีการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์  ใครๆก็สามารถดูได้ เลียนแบบ หรือฉีดเองที่บ้านหรือคอนโดก็ได้ แต่จะมีหมอ  (ขอย้ำว่าแพทย์นะครับ เพราะตอนนี้ไม่ใช่หมอก็แอบฉีดกันแบบผิดกฏหมายมากมาย)  สักกี่คน  ที่สามารถทำหัตถการนี้ได้อย่างประณีตและไร้ที่ติ ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องปราศจากอันตรายแทรกซ้อนของยาตัวนี้  (1,2)  ซึ่งอาการข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบันนี้ได้แก่ มีการบวม แดง หรือ เขียวเป็นจ้ำๆในตำแหน่งที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย บางคนหลังฉีดแล้วอาจจะคัน หรือรู้สึกเป็นก้อนไตๆใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการฉีดตื้นเกินไป และไม่ได้มีการนวดหรือคลึงให้ก้อนสารนี้กระจายตัว ผลแทรกซ้อนอีกอย่างคือ อาจมีอาการปวด เจ็บ ปวดร้าวได้หลังฉีดทันที ซึ่งต้องระวังว่าสารเติมเต็มนี้อาจเข้าหลอดเลือด,เส้นเลือดอุดตัน  แล้วทำให้อวัยวะส่วนปลายขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เกิดเนื้อตายได้ เนื่องจากสารนี้นิยมฉีดที่ใบหน้า จมูกและรอบดวงตา เส้นเลือดที่มาเลี้ยงส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับหลอดเลือดที่เลี้ยงไปจอประสาทตา จึงมีเหตุการณ์ที่หลังฉีดสารนี้แล้ว ทำให้ตาบอดภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นข่าวที่ดังมากถึงมากที่สุดในเมืองไทย ช่วง 1-2สัปดาห์นี้ ความจริงแล้วมีรายงานการเกิดตาบอดแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และหลายคน ทั้งในเมืองไทย  (3)  และต่างประเทศ  ทำให้วงการแพทย์ผิวหนัง ตื่นตัวและศึกษาหาข้อมูลกันอย่างละเอียด  เพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ซ้ำอีก ความจริงสารเติมเต็มชนิดที่เกิดเหตุการณ์นี้  ได้รับอนุญาตถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไทยและอเมริกาเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่ฉีดก็เป็นแพทย์ แต่ยาก็คือยา ไม่ใช่ขนมนะครับ ย่อมมีฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราพึงระลึกไว้เสมอว่า  การรักษาอะไรก็ตามทุกครั้งย่อมมีความเสี่ยง แม้ทำกับแพทย์ที่เก่งมีฝีมือก็มีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนได้ หลายคนพอได้ข่าวนี้แล้วก็บอกว่า ถ้างั้นฉันขอไปฉีดไขมันตัวเองแล้วกัน ปลอดภัยกว่า แต่จริงๆแล้ว หลังถูกฉีดไขมันตนเอง  ก็มีรายงานคนไข้ตาบอดในต่างประเทศเช่นเดียวกัน (4,5)
                      
                       
                       วงการความงามผิวหนัง  (cosmetics dermatology)  เมื่อ 10ปี ที่แล้ว ต่างจากตอนนี้มากมาย เมื่อก่อนใครอยากเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับความงาม มักเป็นประเภทครูพักลักจำ วิชาเหล่านี้เป็นความรู้ที่คู่กับการทำเงินมาตลอด หลายคนจึงปิดกันเงียบไม่ค่อยสอนลูกศิษย์รุ่นหลัง  แต่ปัจจุบันครูแพทย์หลายๆท่าน  ยินดีและเต็มใจสอนอย่างเต็มที่ เปิดเผยแบบไม่มีกั้ก  ผมว่าเรามาพลิกวิกฤตเป็นโอกาสกันเถอะครับ เราจะป้องกันเหตุการณ์นี้ซ้ำอีกได้อย่างไร  อย่าทำแบบวัวหายแล้วล้อมคอกเลยครับ สังคมของเราจะได้น่าอยู่ขึ้นไปอีก 
 สนใจติดต่อ โทร.089-783-9197, 026644360 หรือ ที่ รพ.แม่ฟ้าหลวง (คุณน้อย) 38/11-13 อาคารอโศกเพลส ถนนอโศก สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.
 
Reference; 
1.Duffy DM. Complications of fillers: overview.
Dermatol Surg 2005; 31(11 Pt 2): 1626-33..
Ophthal Plast Reconstr Surg. 2011 Aug 22.
2.Aesthet Surg J. 2002 Nov;22(6):555-7.
3.J Med Assoc Thai. 2009 Jun;92 Suppl 3:S85-7.
4.A case of ophthalmic artery obstruction
following autologous fat injection in the glabellar
area [abstract]. Nippon Ganka Gakkai Zasshi
2007; 111: 22-5.
5.Autologous fat
injection for soft tissue augmentation in the face:
a safe procedure? Aesthetic Plast Surg 1998; 22:
163-7.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น