ช่วงนี้กระแสข่าวการฉีดสารเติมเต็ม (filler) หรือ สารHyaluronic acid กำลังมาแรงแซงทางโค้งในแฟชั่นความงามเกือบทุกประเภท โดยเฉพาะในวงการแพทย์ผิวหนัง เป็นเพราะสาเหตุอะไร ดังจะได้กล่าวต่อไป...
สารชนิดนี้เริ่มมีมาประมาณ 30 ปีแล้ว ต้นตำรับคือ ยี่ห้อ zyderm เนื่องจากเป็นคอลลาเจนที่สกัดจากวัว ทำให้มีการแพ้บ่อย แพ้แบบรุนแรง และไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าที่ควร ต่อมาจึงเกิดการพัฒนาสารสังเคราะห์ ใกล้เคียงธรรมชาติของผิวหนังเรามากขึ้น ที่เรียกว่า Hyaluronic acid พบการแพ้น้อย และได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ใครอยากฉีดลดร่องแก้ม , อยากเสริมจมูกแต่ไม่อยากผ่าตัด , อยากลดริ้วรอยแต่กลัว เลเซอร์ , ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม , เพิ่มโหนกแก้มหรือฉีดเสริมคางให้ยาว สำหรับคนที่คางสั้น สารเติมเต็มเหล่านี้จะช่วยตอบโจทย์ได้ แต่การเลือกว่าจะไปรับบริการที่ไหน เราควรศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบกันเสียก่อน มิฉะนั้นอาจจะต้องเสียใจภายหลัง ดังที่มีตัวอย่างมาแล้ว เพราะปัจจุบันมีการเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ใครๆก็สามารถดูได้ เลียนแบบ หรือฉีดเองที่บ้านหรือคอนโดก็ได้ แต่จะมีหมอ (ขอย้ำว่าแพทย์นะครับ เพราะตอนนี้ไม่ใช่หมอก็แอบฉีดกันแบบผิดกฏหมายมากมาย) สักกี่คน ที่สามารถทำหัตถการนี้ได้อย่างประณีตและไร้ที่ติ ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องปราศจากอันตรายแทรกซ้อนของยาตัวนี้ (1,2) ซึ่งอาการข้างเคียงของการฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบันนี้ได้แก่ มีการบวม แดง หรือ เขียวเป็นจ้ำๆในตำแหน่งที่ฉีด ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อย บางคนหลังฉีดแล้วอาจจะคัน หรือรู้สึกเป็นก้อนไตๆใต้ผิวหนัง ซึ่งเกิดจากการฉีดตื้นเกินไป และไม่ได้มีการนวดหรือคลึงให้ก้อนสารนี้กระจายตัว ผลแทรกซ้อนอีกอย่างคือ อาจมีอาการปวด เจ็บ ปวดร้าวได้หลังฉีดทันที ซึ่งต้องระวังว่าสารเติมเต็มนี้อาจเข้าหลอดเลือด,เส้นเลือดอุดตัน แล้วทำให้อวัยวะส่วนปลายขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้เกิดเนื้อตายได้ เนื่องจากสารนี้นิยมฉีดที่ใบหน้า จมูกและรอบดวงตา เส้นเลือดที่มาเลี้ยงส่วนนี้จะเชื่อมต่อกับหลอดเลือดที่เลี้ยงไปจอประสาทตา จึงมีเหตุการณ์ที่หลังฉีดสารนี้แล้ว ทำให้ตาบอดภายใน 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นข่าวที่ดังมากถึงมากที่สุดในเมืองไทย ช่วง 1-2สัปดาห์นี้ ความจริงแล้วมีรายงานการเกิดตาบอดแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง และหลายคน ทั้งในเมืองไทย (3) และต่างประเทศ ทำให้วงการแพทย์ผิวหนัง ตื่นตัวและศึกษาหาข้อมูลกันอย่างละเอียด เพื่อป้องกันเหตุการณ์นี้ซ้ำอีก ความจริงสารเติมเต็มชนิดที่เกิดเหตุการณ์นี้ ได้รับอนุญาตถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ไทยและอเมริกาเรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่ฉีดก็เป็นแพทย์ แต่ยาก็คือยา ไม่ใช่ขนมนะครับ ย่อมมีฤทธิ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราพึงระลึกไว้เสมอว่า การรักษาอะไรก็ตามทุกครั้งย่อมมีความเสี่ยง แม้ทำกับแพทย์ที่เก่งมีฝีมือก็มีโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนได้ หลายๆคนพอได้ข่าวนี้แล้วก็บอกว่า ถ้างั้นฉันขอไปฉีดไขมันตัวเองแล้วกัน ปลอดภัยกว่า แต่จริงๆแล้ว หลังถูกฉีดไขมันตนเอง ก็มีรายงานคนไข้ตาบอดในต่างประเทศเช่นเดียวกัน (4,5)
วงการความงามผิวหนัง (cosmetics dermatology) เมื่อ 10ปี ที่แล้ว ต่างจากตอนนี้มากมาย เมื่อก่อนใครอยากเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับความงาม มักเป็นประเภทครูพักลักจำ วิชาเหล่านี้เป็นความรู้ที่คู่กับการทำเงินมาตลอด หลายคนจึงปิดกันเงียบไม่ค่อยสอนลูกศิษย์รุ่นหลัง แต่ปัจจุบันครูแพทย์หลายๆท่าน ยินดีและเต็มใจสอนอย่างเต็มที่ เปิดเผยแบบไม่มีกั้ก ผมว่าเรามาพลิกวิกฤตเป็นโอกาสกันเถอะครับ เราจะป้องกันเหตุการณ์นี้ซ้ำอีกได้อย่างไร อย่าทำแบบวัวหายแล้วล้อมคอกเลยครับ สังคมของเราจะได้น่าอยู่ขึ้นไปอีก
สนใจติดต่อ โทร.089-783-9197, 026644360 หรือ ที่ รพ.แม่ฟ้าหลวง (คุณน้อย) 38/11-13 อาคารอโศกเพลส ถนนอโศก สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.
สนใจติดต่อ โทร.089-783-9197, 026644360 หรือ ที่ รพ.แม่ฟ้าหลวง (คุณน้อย) 38/11-13 อาคารอโศกเพลส ถนนอโศก สุขุมวิท 21 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม.
Reference;
1.Duffy DM. Complications of fillers: overview.
Dermatol Surg 2005; 31(11 Pt 2): 1626-33..
Ophthal Plast Reconstr Surg. 2011 Aug 22.
2.Aesthet Surg J. 2002 Nov;22(6):555-7.
3.J Med Assoc Thai. 2009 Jun;92 Suppl 3:S85-7.
4.A case of ophthalmic artery obstruction
following autologous fat injection in the glabellar
area [abstract]. Nippon Ganka Gakkai Zasshi
2007; 111: 22-5.
5.Autologous fat
injection for soft tissue augmentation in the face:
a safe procedure? Aesthetic Plast Surg 1998; 22:
163-7.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น